ความรู้สึกเป็นจุดตั้งต้นที่สำคัญ
- วัดตะพงนอก

- 22 พ.ค. 2566
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 23 ส.ค. 2566
ถ้าเราสามารถรู้สึกกายรู้สึกใจได้ เราก็จะสามารถเรียนรู้ความจริงของร่างกายของจิตใจได้
คนสนใจการปฏิบัติก็มากพอสมควร ฟังที่หลวงพ่อเทศน์ก็หัดทำเอา จำนวนหนึ่งก็ทำเป็น อีกส่วนหนึ่งก็ยังไม่เป็น เรื่องธรรมดา จุดแรกเลยที่จะต้องภาวนาให้ได้ คือปลุกจิตให้ตื่นขึ้นมา ให้จิตตั้งมั่น รู้เนื้อรู้ตัว จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว ถ้าจิตใจเราไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เราปฏิบัติไม่ได้จริง เพราะว่าเราปฏิบัติธรรม เพื่อจะให้เห็นความจริงของตัวเรา คือกายกับใจ ถ้าจิตใจเราหนีกายหนีใจไป มันจะไปเห็นความจริงที่ไหนได้ ไม่รู้ความจริงได้หรอก เพราะฉะนั้นจุดตั้งต้น เราจะต้องฝึกตัวเองให้ตื่นขึ้นมา ให้จิตมันตื่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ถ้าจิตของเราเป็นผู้หลับผู้ฝันอยู่ มันก็ลืมตัวเอง อย่างเวลาเรานอนหลับ เราฝัน เรามีร่างกายเราก็ลืม เรามีจิตใจเราก็ลืม ลืมตัวเอง คนส่วนใหญ่ตื่นนอนมา มันตื่นเฉพาะร่างกาย จิตมันก็ยังฝันอยู่เหมือนเดิม หลงอยู่ในโลกของความคิดตลอดเวลา ตราบใดที่ยังฝันอยู่ ก็จะไม่สามารถเห็นความจริง อย่างตอนเรานอนหลับฝัน เรามีร่างกายเราก็ลืมร่างกาย เรามีจิตใจเราก็ลืมจิตใจ พอเราตื่นขึ้นมา มันตื่นแต่ร่างกาย จิตใจมันก็ยังอยู่ในโลกของความคิดความฝันอยู่ มีกายมันก็ลืมกาย มีจิตใจมันก็ลืมจิตใจ แบบเดียวกัน
ทีนี้เราจะปฏิบัติธรรมให้พ้นทุกข์ได้ ก็ต้องหมดความยึดถือในรูปนามกายใจนี้ เราจะหมดความยึดถือในรูปนามกายใจได้ ต่อเมื่อเราเห็นความจริงของรูปนาม ของกายของใจ มันไม่ใช่ของดีของวิเศษอะไรหรอก เป็นของชั่วคราว แล้วมันไม่เที่ยง มันกำลังถูกบีบคั้นให้แตกสลายอยู่ตลอดเวลา เรียกว่ามันเป็นทุกข์ มันไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการ มันเป็นไปตามเหตุ ไม่ใช่ตามที่เราต้องการ อันนั้นเรียกว่าอนัตตา
ถ้าเราสามารถเห็นความจริงของกายของใจได้ ว่ามันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เห็นมุมใดมุมหนึ่งก็พอแล้ว มันก็จะปล่อยวาง เหมือนที่พระพุทธเจ้าบอก “เพราะเห็นตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายจึงคลายความยึดถือ เพราะคลายความยึดถือจึงหลุดพ้น ปล่อยวางได้” เราจะสามารถเห็นความจริงของกายของใจได้ จิตเราต้องตื่น ถ้าจิตเราไปหลงอยู่ในโลกของความคิดความฝัน มันก็ไม่เห็นกายเห็นใจ มีกายลืมกาย มีใจลืมใจ
เพราะฉะนั้นความรู้สึกตัว เป็นจุดตั้งต้นที่สำคัญที่สุดเลยสำหรับการปฏิบัติ พวกเราต้องรู้สึกตัวให้ได้ หลุดออกจากโลกของความฝัน มาอยู่ในโลกของความจริงให้ได้ มีกายก็ให้รู้สึกว่ามันมีร่างกาย มีจิตใจก็รู้สึกถึงความมีอยู่ของจิตใจ ไม่ใช่มีกายก็ลืม มีใจก็ลืม คิดฝันเพ้อเจ้อตลอดเวลา ถ้าเราสามารถรู้สึกกายรู้สึกใจได้ เราก็จะสามารถเรียนรู้ ความจริงของร่างกายของจิตใจได้ ว่ามันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันเป็นอนัตตา พอเราเห็นความจริงของกาย ความรักใคร่หวงแหนผูกพันในกายก็จะลดลงๆ สุดท้ายจิตใจก็หมดความยึดถือในร่างกาย
ถ้ามันยังรักใคร่หวงแหนอยู่ มันก็ยังยึดถืออยู่ มันรักใคร่หวงแหน เพราะมันคิดว่าร่างกายนี้เป็นของดีของวิเศษ ถ้าเรารู้สึกตัวรู้สึกกายไปบ่อยๆ เราจะเห็นร่างกายไม่ใช่ของดีของวิเศษเลย ร่างกายนี้มีแต่ความทุกข์ นั่งอยู่ก็ทุกข์ ยืนอยู่ก็ทุกข์ เดินอยู่ก็ทุกข์ นอนอยู่ก็ทุกข์ อย่างนอน เราก็ต้องนอนพลิกไปพลิกมา เพราะมันปวด มันเมื่อย นอนสบายๆ อยู่ประเดี๋ยวเดียว ร่างกายก็ถูกบีบคั้น มันทนอยู่ไม่ได้ ถ้าเราไม่สามารถพลิกตัวได้ ไม่นานก็เป็นแผลกดทับ ติดเชื้อตายไปอีก เพราะฉะนั้นที่เราต้องพลิกซ้ายพลิกขวาอะไรไปเรื่อย เปลี่ยนอิริยาบถไปเรื่อย เพื่อหนีทุกข์
ถ้าเรามีสติรู้สึกอยู่ในร่างกาย รู้เนื้อรู้ตัวอยู่ เราถึงจะเห็นความจริง ร่างกายนี้ไม่ใช่ของดีหรอก ร่างกายเป็นทุกข์ ร่างกายเป็นวัตถุ เป็นก้อนธาตุ มีธาตุไหลเข้า มีธาตุไหลออกตลอดเวลา เช่นหายใจเข้าแล้วก็หายใจออก หายใจออกแล้วก็หายใจเข้า ธาตุมันก็เคลื่อน กินอาหารเข้าไป ดื่มน้ำเข้าไป แล้วก็ขับถ่ายออกมา ปัสสาวะออกมา ธาตุมันหมุนเวียนอยู่อย่างนี้เอง ที่จริงแล้วสิ่งที่เราคิดว่าเป็นตัวเรา ร่างกายนี้คือตัวเราๆ จริงๆ แล้วมันก็เป็นแค่วัตถุ เป็นวัตถุ เป็นสมบัติของโลก ไม่ใช่ตัวเราของเราจริง เรายืมโลกมาใช้ ไม่นานเราก็ต้องคืนให้โลกไป คนอื่นก็เอาไปใช้ต่อ
อย่างร่างกายของเรา เรารัก เราหวงแหน พอเราตายไป เอาไปฝัง เอาไปทิ้ง หรือหนอนเอาไปกิน นกก็มากินหนอน คนไปกินนกอะไรอย่างนี้ หมุนเวียนไป หรือเอาไปเผา ดินก็ถูกเผาไป น้ำมันก็ระเหยไป ธาตุลมมันก็หยุด มันก็กลายเป็นเศษดินเป็นอะไรไป น้ำก็แยกไปเป็นน้ำ ดินก็แยกไปเป็นดิน ลมก็แยกไปเป็นลม ไฟก็แยกไปเป็นส่วนของไฟ ส่วนของพลังงาน นั่นก็คืนโลก คนอื่นก็เอาไปใช้อีก อย่างน้ำในร่างกายเรา น้ำเลือดอะไรของเรา ก่อนจะมาเป็นน้ำเลือดของเรา มันอาจจะเป็นน้ำเหลือง ศพใครก็ไม่รู้ เพราะว่าน้ำมันอยู่สมบัติของโลก ก็ผลัดกันใช้
ถ้าเรามีสติอยู่ เราตื่น เรารู้สึกตัวอยู่ แล้วสติระลึกรู้ร่างกายได้ มันก็จะเห็นความจริงของร่างกาย ร่างกายเต็มไปด้วยความทุกข์บีบคั้น ร่างกายไม่ใช่ตัวเราของเรา เป็นสมบัติของโลก ที่เรายืมโลกมาใช้ชั่วคราว แล้วเราก็ต้องคืนเจ้าของ ถ้าเรารู้ตัวอยู่ มีความรู้สึกตัวอยู่ เรามีร่างกาย เราก็รู้สึกถึงร่างกาย แล้วต่อไปเราก็เห็นความจริงของร่างกาย แต่ถ้าเราใจลอย วันๆ หนึ่งเล่นแต่โซเชียล ด่าคนโน้น ชมคนนี้ กดโน้น กดนี้ เพลินๆ ไป เรามีร่างกายเราก็ลืม เราลืมร่างกายของตัวเอง เราลืมจิตใจของตัวเอง
เมื่อเราลืมกายลืมใจ เราไม่มีความรู้สึกตัวเหลืออยู่ แล้วเราจะไปเห็นความจริง ของร่างกายของจิตใจได้อย่างไร เพราะฉะนั้นความรู้สึกตัว เป็นจุดตั้งต้นที่สำคัญมากของการปฏิบัติ ที่จะพ้นทุกข์ได้หรือไม่ได้ ถ้ารู้สึกตัวไม่เป็น ไม่มีทางหลุดพ้นหรอก ความรู้สึกตัว พูดแล้วง่าย มาฝึกให้เกิดไม่ใช่ง่าย อย่างพวกพระมาบวชอยู่กับหลวงพ่อนี้ บางองค์ปฏิบัติมาตั้ง 20 ปีแล้ว เป็นโยมอยู่ มาบวช 2 – 3 เดือนถึงจะรู้ว่า โอ๊ย ที่ผ่านมามันไม่เคยรู้สึกตัวเลย มันฝันอยู่ตลอดเวลา ไม่เคลิ้มฝันไป ก็นั่งเพ่ง นั่งจ้องร่างกายจิตใจ จ้อง เพ่งๆ เอาไว้ นั่นไม่ใช่ความรู้สึกตัว




ความคิดเห็น